Catfish Effect บริหารพนักงานให้แกร่ง จากแรงฮึดเพื่ออยู่รอด

วันที่: 31 ต.ค. 2566 13:34:30     แก้ไข: 31 ต.ค. 2566 14:23:57     เปิดอ่าน: 1,358     Blogs


วันนี้ ขอเขียนอะไรยาวๆสักวัน โดยขออธิบายวิธีการบริหารคน โดยใช้แนวคิด Catfish Effect ซึ่งเป็นวิธีที่ได้ผลดีในบรรยากาศการทำงานที่เกิด confort zone ขึ้นในองค์กร
 

Catfish Effect (การเอฟเฟกต์ของปลาดุก)

คือผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการมีคู่แข่งที่มีแข็งแกร่งเข้ามา จนทำให้คู่แข่งที่อ่อนแอ มีการพัฒนาตนเองให้ดีขึ้น
แนวคิดนี้เกิดขึ้นจาก ในประเทศนอร์เวย์ ปลาซาร์ดีนสดมีราคาแพงกว่าปลาซาร์ดีนแช่แข็งหลายเท่า และมีคุณค่าสูงเนื่องจากส่วนประกอบและรสชาติที่ดีกว่า

แต่มีเรือเพียงลำเดียวเท่านั้นที่สามารถนำปลาซาร์ดีนสดกลับบ้านได้ แต่กัปตันเก็บวิธีการนี้ไว้เป็นความลับ จนเขาเสียชีวิต แล้วค้นพบว่ามีปลาดุกทะเลอยู่ในถัง ปลาดุกยังคงว่ายน้ำ และปลาซาร์ดีนพยายามหลบหนีผู้ล่า การกระทำเช่นนี้ทำให้ปลาซาร์ดีนที่พยายามมีความแข็งแกร่งขึ้นเพื่อให้รอดพ้นจากความตายและกลายเป็นปลารวดเร็วและมีชีวิตได้

 

แนวคิด “Catfish effect” ถูกนำมาใช้ในการบริหารคน

เพื่อกระตุ้นความกระตือรือร้นของพนักงานและเพิ่มประสิทธิภาพของพนักงาน โดยมีวิธีคือ องค์กรได้จ้างพนักงานที่อ่อนวัย ที่มีความสามารถเข้ามา เพื่ิอกระตุ้นพนักงานที่อายุมาก โดยใช้ความกดดันในการแข่งขันเพื่อกระตุ้น "ปลาซาร์ดีน"ให้แข่งขันและใช้สติปัญญาในการดำรงชีวิตของตนเอง ผลที่ได้ นอกจากพนักงานเดิมจะแข็งแกร่งขึ้นแล้วยังทำให้องค์กรสามารถอยู่รอดในตลาดและเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นได้

หลายองค์กรในปัจจุบัน ก็เกิด Catfish Effect แบบไม่ได้ตั้งใจกันทั้งนั้น เพราะมีพนักงานรุ่นใหม่ เข้ามาทำงาน มีสัดส่วนที่เพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และที่สำคัญ พนักงานรุ่นใหม่นี้มาพร้อมกับทักษะติดตัว ทั้งด้านเทคโนโลยี ด้านภาษาและ ทักษะที่จำเป็นในโลกยุคปัจจุบัน รวมถึงบุคคลิกที่มาพร้อมทั้งความมั่นใจ กล้าพูดกล้าแสดงออก

พอเข้ามาทำงาน ทำให้พนักงานที่ทำงานมานาน เริ่มเกิดความกังวลแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เนื่องจากทักษะและประสบการณ์ที่มีมานานนั้น ดูใช้ไม่ได้ในโลกยุคปัจจุบัน เมื่อมาประกอบกับบุคคลิกการแสดงออกและความเชื่อในการทำงานแบบเดิมแล้ว ทำให้เริ่มรู้สึกว่าคุณค่าในตัวเองลดลง กลายเป็นปลาซาดีน ที่ยอมแพ้ เพราะไม่ว่าจะพยายามอย่างไรก็ตามโลกที่เปลี่ยนไปรวดเร็วไม่ทันสักที Catfish effect เลยเหลือแต่ปลาดุก อย่างเดียว ส่วนปลาซาดีน แทนที่จะแข็งแกร่งขึ้น กลับยอมแพ้ ส่วนตัวที่เหลืออยู่ กลับกลายเป็น ศัตรูกับปลาดุกแทน สุดท้ายแทนที่จะได้ปลาซาดีนที่เก่งขึ้น กลับเป็นปลาซาดีนในร่างใหม่ที่โหดขึ้นแทน

วิธีแก้ไขในกรณีนี้ ต้องบริหารทั้งปลาซาดีนและ ปลาดุกให้สามารถอยู่ร่วมกันให้ได้ โดยการกำหนดหน้าที่และเป้าหมายให้ชัดเจน มีการตรวจวัดที่ชัดเจน แต่แยกวิธีการปฏิบัติแตกต่างกัน โดย
 

การบริหารพนักงานปลาดุก

ปลาดุกนั้นเนื่องจากมีความสามารถเฉพาะตัวและมีวิธีมั่นใจในแบบของตนเอง เมื่อมอบหมายงานแล้ว ปลาดุกจะทำด้วยวิธีการอย่างไรนั้นเราจะไม่ตามไปกำหนดแต่จะกำหนด milestone ให้ชัดว่าต้องรายงานความคืบหน้าเท่าใดและเมื่อไร
 

การบริหารพนักงานปลาซาดีน

ส่วนปลาซาดีนนั้นเมื่อเรามอบหมายเป้าหมายแล้ว อาจต้องกำหนดวิธีการไปถึงเป้าหมายให้ด้วย และมีการกำหนด milestone เช่นเดียวกัน พร้อมกันนั้นก็มีการสอน หรือ coach เมื่อทำได้ไม่ถึง หลักไมล์ที่ต้องการ
ถ้าทำแบบนี้จะเป็นการช่วยพัฒนาปลาซาดีนในทิศทางที่ถูกต้องและลดความขัดแย้งกับปลาดุกได้ ส่วนปลาดุกก็จะมีอิสระในการทำงานแต่ก็มีการคอยตรวจสอบเป็นระยะๆ ในขณะเดียวกันความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นก็จะเป็นการสอนปลาดุกไปในตัวด้วย
หากท่านใดสนใจรายละเอียดของการพัฒนาผู้นำ Leading with Purpose นี้ สามารถ Download เอกสาร หรือ สามารถขอคำปรึกษาเบื้องต้นได้ โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ที่นี่ 
  
        เพิ่มเพื่อน    

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

4 วิธีสร้าง Work-Life Balance  แถมยังได้งานในช่วงวิกฤต สาเหตุที่ Work-Life Balance ของคนทำงานจะเปลี่ยนไปจากเดิมนั้น เพราะวิกฤตเศรษฐกิจในครั้งนี้ กำลังคืบคลานเข้ามา และแน่นอนว่าจะสร้างผลกระทบกับชีวิตการทำงานแต่ละคนไม่มากก็น้อย แล้วพนักงานต้องทำอย่างไร? ต้องโหมทำงานจนละเลยชีวิตตัวเองหรือไม่? มาดู 4 แนวทางที่จะช่วยสร้างให้สมดุลชีวิตและงานยังคงอยู่กัน
4 วิธีสร้าง Work-Life Balance แถมยังได้งานในช่วงวิกฤต

สาเหตุที่ Work-Life Balance ของคนทำงานจะเปลี่ยนไปจากเดิมนั้น เพราะวิกฤตเศรษฐกิจในครั้งนี้ กำลังคืบคลานเข้ามา และแน่นอนว่าจะสร้างผลกระทบกับชีวิตการทำงานแต่ละคนไม่มากก็น้อย แล้วพนักงานต้องทำอย่างไร? ต้องโหมทำงานจนละเลยชีวิตตัวเองหรือไม่? มาดู 4 แนวทางที่จะช่วยสร้างให้สมดุลชีวิตและงานยังคงอยู่กัน

7 ปัจจัย ฉุดผลประกอบการ ที่ผู้บริหารคาดไม่ถึง  เมื่อใดประเทศประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ มักจะกระทบต่อองค์กรด้วย ทำให้ผลประกอบการตกลง ซึ่งเมื่อต้องอธิบายว่าทำไมผลประกอบการต่ำลง ก็จะได้รับคำตอบเหมือนเดิมทุกครั้งคือ “ เศรษฐกิจไม่ดี” แต่สังเกตหรือไม่ว่า ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจแย่ แต่ก็มีบางบริษัทที่ผลประกอบการ ไม่ได้แย่ตามไปด้วย เพราะความจริงแล้วภาวะเศรษฐกิจไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่กระทบผลประกอบการ แต่มันมีปัจจัยอื่นๆภายในองค์กรด้วย และปัจจัยเหล่านี้มักจะถูกมองข้ามไป นั่นคือ
7 ปัจจัย ฉุดผลประกอบการ ที่ผู้บริหารคาดไม่ถึง

เมื่อใดประเทศประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ มักจะกระทบต่อองค์กรด้วย ทำให้ผลประกอบการตกลง ซึ่งเมื่อต้องอธิบายว่าทำไมผลประกอบการต่ำลง ก็จะได้รับคำตอบเหมือนเดิมทุกครั้งคือ “ เศรษฐกิจไม่ดี” แต่สังเกตหรือไม่ว่า ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจแย่ แต่ก็มีบางบริษัทที่ผลประกอบการ ไม่ได้แย่ตามไปด้วย เพราะความจริงแล้วภาวะเศรษฐกิจไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่กระทบผลประกอบการ แต่มันมีปัจจัยอื่นๆภายในองค์กรด้วย และปัจจัยเหล่านี้มักจะถูกมองข้ามไป นั่นคือ

5 กลยุทธ์ผู้นำที่ทำให้เกิด High Performance Environment การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในวันนี้ หัวหน้างานที่ยังคงต้องทำบทบาทในการปรับทีมงานให้พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงเสมอ เพื่อให้เกิดบรรยากาศแบบ High Performance Environment หรือ ทีมงานมีไฟมีพลังสู้รบกับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่ง 5 วิธีที่หัวหน้าสามารถเริ่มทำได้ทันที ได้แก่
5 กลยุทธ์ผู้นำที่ทำให้เกิด High Performance Environment

การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในวันนี้ หัวหน้างานที่ยังคงต้องทำบทบาทในการปรับทีมงานให้พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงเสมอ เพื่อให้เกิดบรรยากาศแบบ High Performance Environment หรือ ทีมงานมีไฟมีพลังสู้รบกับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่ง 5 วิธีที่หัวหน้าสามารถเริ่มทำได้ทันที ได้แก่

ทำไม? เมื่อผู้นำตั้งใจทำดีมากไป ผลที่ได้กลับกลายเป็นร้ายในทันที คุณมักได้ยินคำแนะนำมากมายเกี่ยวกับการเป็นผู้นำที่ดี เช่น ต้องรับฟังให้เยอะพูดให้น้อย ต้องเข้าอกเข้าใจ ต้องพัฒนาเรียนรู้ตลอดเวลา ต้องมีเหตุผล ต้องแสดงความรับผิดชอบและทำให้งานสำเร็จ สิ่งต่างๆเหล่านี้ ล้วนเป็นการกระทำที่ดีทั้งนั้น แต่รู้ไหมว่า จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าคุณทำสิ่งข้างต้นเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป
ทำไม? เมื่อผู้นำตั้งใจทำดีมากไป ผลที่ได้กลับกลายเป็นร้ายในทันที New

คุณมักได้ยินคำแนะนำมากมายเกี่ยวกับการเป็นผู้นำที่ดี เช่น ต้องรับฟังให้เยอะพูดให้น้อย ต้องเข้าอกเข้าใจ ต้องพัฒนาเรียนรู้ตลอดเวลา ต้องมีเหตุผล ต้องแสดงความรับผิดชอบและทำให้งานสำเร็จ สิ่งต่างๆเหล่านี้ ล้วนเป็นการกระทำที่ดีทั้งนั้น แต่รู้ไหมว่า จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าคุณทำสิ่งข้างต้นเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป

การสื่อสาร 3 มิติ ที่หัวหน้าต้องรู้ เพื่อให้งานได้ผลลัพธ์ ถ้าพูดว่าการทำงานหลักๆของผู้บริหาร หรือหัวหน้า คือการสื่อสาร ภาพในหัวของหลายคนก็จะมีภาพว่าหัวหน้าต้อง present ได้เก่ง โน้มน้าวหรือ พูดได้รู้เรื่อง ซึ่งก็นับว่า จริง แต่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะผู้บริหารมีหน้าที่ต้องบริหารคนให้ทำงานให้บรรลุเป้าหมายให้ได้ ดังนั้นการสื่อสารของหัวหน้าจึงมีหลากหลายมิติ โดยถ้าแยกแบบคร่าวๆ ก็จะมีอยู่ 3 มิติ ดังนี้
การสื่อสาร 3 มิติ ที่หัวหน้าต้องรู้ เพื่อให้งานได้ผลลัพธ์ New

ถ้าพูดว่าการทำงานหลักๆของผู้บริหาร หรือหัวหน้า คือการสื่อสาร ภาพในหัวของหลายคนก็จะมีภาพว่าหัวหน้าต้อง present ได้เก่ง โน้มน้าวหรือ พูดได้รู้เรื่อง ซึ่งก็นับว่า จริง แต่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะผู้บริหารมีหน้าที่ต้องบริหารคนให้ทำงานให้บรรลุเป้าหมายให้ได้ ดังนั้นการสื่อสารของหัวหน้าจึงมีหลากหลายมิติ โดยถ้าแยกแบบคร่าวๆ ก็จะมีอยู่ 3 มิติ ดังนี้

2 หัวใจสำคัญ การสื่อสาร ที่เป็นงานสำคัญของหัวหน้า จากที่เคยพูดถึงว่าทักษะสำคัญของหัวหน้าคือการสื่อสาร ซึ่งมีหลากหลายวัตถุประสงค์ ในโพสนี้ ขออธิบายการสื่อสารที่เป็นจุดเริ่มต้นของการทำงาน คือ”การสั่งงาน” ซึ่งดูแล้วเหมือนกับเรื่องง่ายๆ ที่ใครๆก็น่าจะสั่งงานได้ แต่หัวใจสำคัญคือ
2 หัวใจสำคัญ การสื่อสาร ที่เป็นงานสำคัญของหัวหน้า New

จากที่เคยพูดถึงว่าทักษะสำคัญของหัวหน้าคือการสื่อสาร ซึ่งมีหลากหลายวัตถุประสงค์ ในโพสนี้ ขออธิบายการสื่อสารที่เป็นจุดเริ่มต้นของการทำงาน คือ”การสั่งงาน” ซึ่งดูแล้วเหมือนกับเรื่องง่ายๆ ที่ใครๆก็น่าจะสั่งงานได้ แต่หัวใจสำคัญคือ