THE BUSINESS SURFER

วันที่: 22 เม.ย. 2564 09:43:59     แก้ไข: 14 มี.ค. 2565 10:08:44     เปิดอ่าน: 1,084     Blogs
คลื่นธุรกิจก็มีสภาพไม่แตกต่างจากคลื่นลมในทะเลที่จะพัดเข้าหาฝั่งระลอกแล้วระลอกเล่าไม่เคยจบสิ้น สิ่งใด ที่ยังล่องลอยอยู่บนคลื่นลูกเก่าก็จะถูกพัดพาเขาหาฝั่งจนถูกทรายทับถมจนจมลงไปมิด แต่ถ้ามีสิ่งใดที่ สามารถกระโจนไปอยู่บนคลื่นลูกใหม่ๆ ได้อย่างทันท่วงทีสิ่งนั้นก็ยังลอยอยู่ได้ ไม่ถูดกดจมลงไป

ธุรกิจก็เช่นเดียวกัน ที่มักจะมีคลื่นลูกใหม่ๆพัดเข้ามาอยู่เสมอ ใครกระโจนเกาะคลื่นลูกใหม่ได้ชีวิตของธุรกิจก็จะยืนยาวและเติบโตต่อไป ธุรกิจไหนทำไม่ได้ยังเกาะกับคลื่นลูกเดิมๆ สุดท้ายก็ล้มหายตายจากไปอย่างถาวร
ลองพิจารณาจากบริษัทเหล่านี้ดู
 
Microsoft ก้าวขึ้นเป็นบริษัทชั้นนำ เพราะมองเห็น คลื่นของการใช้คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล จนเกิดสิ่งเรียกว่า “ซอฟท์แวร์”
AMAZON ถือกำเนิดขึ้นได้จากกระแสคลื่นที่เรียกว่า “Website”
Netflix เปลี่ยนจาก ให้บริการเช่า DVD มาเป็น Platform เพราะเห็นคลื่นของ ดิจิทัลที่กำลังมาใกล้ชิดชีวิตประจำวันของคนมากขึ้น ด้วยเทคโนโลยี Streaming
 
ในการทำธุรกิจโลกของเราผ่านคลื่นแห่งการเปลี่ยนแปลง (Wave) ที่เรียก ว่า การปฏิวัติอุตสาหกรรมมา 4 ครั้งแล้ว และได้สร้างโอกาสขึ้นมาเสมอ
 
มีบริษัทที่ยิ่งใหญ่ เพราะเกาะกระแสคลื่นได้เกิดขึ้นมากมาย แต่พอคลื่น เปลี่ยนบางบริษัทไม่เกาะคลื่นใหม่ก็ล้มหายตายจากไป
 
สำหรับยุคดิจิทัลนี้การมองแค่คลื่นลูกใหญ่ๆ เหมือนในอดีต ไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและซับซ้อนกว่าที่ผ่านมาครับ
 
เราควรจะต้องพิจารณาคลื่นลงในรายละเอียดมากขึ้น หรือดูคลื่นที่เล็กลงและอยู่บนคลื่นลูกเล็กนั้นให้ได้
 
ถ้าวิเคราะห์ให้ละเอียดจริงๆ แล้ว ในยุคดิจิทัลนั้น ยัง แบ่งออกเป็นคลื่นย่อยๆ อยู่ 4 ลูกครับ
 
ลูกที่ 1 Wave ยุคของ Internet ที่เน้นในเรื่องของการค้นหาและให้ข้อมูล ต่างๆ ของผลิตภัณฑ์และบริการ ซึ่งYahoo, Google และ Amazon ใช้ โอกาสจากคลื่นลูกนี้
 
ลูกที่ 2 ยุคของ Mobile Internet เป็นยุคที่คนโดยทั่วไปสามารถเข้าถึง ข้อมูลได้อย่างสะดวก ทุกที่ทุกเวลา ธุรกิจแบบ platform เติบโตอย่างมาก เช่น Spotify, Netflix, AirBNB, Facebook เป็นต้น
 
ลูกที่ 3 ยุคของ Internet of Thing ที่โลก Digital และ Physical รวมกัน เป็นหนึ่งเดียว ข้อมูลทุกอย่างผ่านอินเตอร์เน็ต เชื่อมโยงผลิตภัณฑ์ต่างๆ เข้าเป็นระบบนิเวศน์เดียวกัน จึงสามารถส่งมอบคุณค่าให้กับลูกค้า มากกว่าเดิม รวมถึงสร้างการเติบโตให้กับบริษัทได้มากขึ้น เช่น Smart Home, Smart Car , Smart Factory หรือ แม้แต่ Alexa ของ AMAZON
 
ลูกที่ 4 ยุคของ AI และ Robotic เป็นยุคทองของปัญญาประดิษฐ์และ หุ่นยนต์ เมื่อข้อมูลต่างๆ เป็น digital แล้ว จะสามารถเรียนรู้ข้อมูลเหล่านั้น สร้างประโยชน์และช่วยเหลือมนุษย์เราได้อย่างรวดเร็วและมากขึ้นกว่าเดิม เช่น เทคโนโลยีการจดจำใบหน้า การใช้ AI หรือ Robot เพื่อทดแทน แรงงานทั่วไป หรือ งานที่มีความเสี่ยงสูง
 
ผู้นำธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ นอกจากจะต้องรู้ว่าตอนนี้คลื่นลูกไหนกำลัง มาและมีลักษณะเช่นใดแล้ว
 
ยังต้องมีความพร้อมที่จะกระโจนขึ้นบนคลื่น ลูกใหม่ให้ได้ ถึงแม้ว่าเราจะไม่สามารถไปยืนหัวแถวของคลื่นได้เหมือน บริษัทระดับโลก แต่เราก็ไม่ควรตายไปพร้อมกับคลื่นลูกเก่า
 
เตรียมตัวเองและบริษัทให้พร้อมเปลี่ยนจากนักวิ่งไปเป็นนักเซิร์ฟกันเถอะ เพื่อให้ ธุรกิจของคุณยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

บทความโดย

Kom Suwanpimon (คม สุวรรณพิมล)
Founder & CEO of Coach For Goal Group
 
Professional Experience:
  • Top Management Executives for Financial Company
  • Business Development Consultant
  • Author & Newspaper Columnist

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

4 วิธีสร้าง Work-Life Balance  แถมยังได้งานในช่วงวิกฤต สาเหตุที่ Work-Life Balance ของคนทำงานจะเปลี่ยนไปจากเดิมนั้น เพราะวิกฤตเศรษฐกิจในครั้งนี้ กำลังคืบคลานเข้ามา และแน่นอนว่าจะสร้างผลกระทบกับชีวิตการทำงานแต่ละคนไม่มากก็น้อย แล้วพนักงานต้องทำอย่างไร? ต้องโหมทำงานจนละเลยชีวิตตัวเองหรือไม่? มาดู 4 แนวทางที่จะช่วยสร้างให้สมดุลชีวิตและงานยังคงอยู่กัน
4 วิธีสร้าง Work-Life Balance แถมยังได้งานในช่วงวิกฤต

สาเหตุที่ Work-Life Balance ของคนทำงานจะเปลี่ยนไปจากเดิมนั้น เพราะวิกฤตเศรษฐกิจในครั้งนี้ กำลังคืบคลานเข้ามา และแน่นอนว่าจะสร้างผลกระทบกับชีวิตการทำงานแต่ละคนไม่มากก็น้อย แล้วพนักงานต้องทำอย่างไร? ต้องโหมทำงานจนละเลยชีวิตตัวเองหรือไม่? มาดู 4 แนวทางที่จะช่วยสร้างให้สมดุลชีวิตและงานยังคงอยู่กัน

7 ปัจจัย ฉุดผลประกอบการ ที่ผู้บริหารคาดไม่ถึง  เมื่อใดประเทศประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ มักจะกระทบต่อองค์กรด้วย ทำให้ผลประกอบการตกลง ซึ่งเมื่อต้องอธิบายว่าทำไมผลประกอบการต่ำลง ก็จะได้รับคำตอบเหมือนเดิมทุกครั้งคือ “ เศรษฐกิจไม่ดี” แต่สังเกตหรือไม่ว่า ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจแย่ แต่ก็มีบางบริษัทที่ผลประกอบการ ไม่ได้แย่ตามไปด้วย เพราะความจริงแล้วภาวะเศรษฐกิจไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่กระทบผลประกอบการ แต่มันมีปัจจัยอื่นๆภายในองค์กรด้วย และปัจจัยเหล่านี้มักจะถูกมองข้ามไป นั่นคือ
7 ปัจจัย ฉุดผลประกอบการ ที่ผู้บริหารคาดไม่ถึง

เมื่อใดประเทศประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ มักจะกระทบต่อองค์กรด้วย ทำให้ผลประกอบการตกลง ซึ่งเมื่อต้องอธิบายว่าทำไมผลประกอบการต่ำลง ก็จะได้รับคำตอบเหมือนเดิมทุกครั้งคือ “ เศรษฐกิจไม่ดี” แต่สังเกตหรือไม่ว่า ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจแย่ แต่ก็มีบางบริษัทที่ผลประกอบการ ไม่ได้แย่ตามไปด้วย เพราะความจริงแล้วภาวะเศรษฐกิจไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่กระทบผลประกอบการ แต่มันมีปัจจัยอื่นๆภายในองค์กรด้วย และปัจจัยเหล่านี้มักจะถูกมองข้ามไป นั่นคือ

5 กลยุทธ์ผู้นำที่ทำให้เกิด High Performance Environment การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในวันนี้ หัวหน้างานที่ยังคงต้องทำบทบาทในการปรับทีมงานให้พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงเสมอ เพื่อให้เกิดบรรยากาศแบบ High Performance Environment หรือ ทีมงานมีไฟมีพลังสู้รบกับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่ง 5 วิธีที่หัวหน้าสามารถเริ่มทำได้ทันที ได้แก่
5 กลยุทธ์ผู้นำที่ทำให้เกิด High Performance Environment

การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในวันนี้ หัวหน้างานที่ยังคงต้องทำบทบาทในการปรับทีมงานให้พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงเสมอ เพื่อให้เกิดบรรยากาศแบบ High Performance Environment หรือ ทีมงานมีไฟมีพลังสู้รบกับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่ง 5 วิธีที่หัวหน้าสามารถเริ่มทำได้ทันที ได้แก่

ทำไม? เมื่อผู้นำตั้งใจทำดีมากไป ผลที่ได้กลับกลายเป็นร้ายในทันที คุณมักได้ยินคำแนะนำมากมายเกี่ยวกับการเป็นผู้นำที่ดี เช่น ต้องรับฟังให้เยอะพูดให้น้อย ต้องเข้าอกเข้าใจ ต้องพัฒนาเรียนรู้ตลอดเวลา ต้องมีเหตุผล ต้องแสดงความรับผิดชอบและทำให้งานสำเร็จ สิ่งต่างๆเหล่านี้ ล้วนเป็นการกระทำที่ดีทั้งนั้น แต่รู้ไหมว่า จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าคุณทำสิ่งข้างต้นเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป
ทำไม? เมื่อผู้นำตั้งใจทำดีมากไป ผลที่ได้กลับกลายเป็นร้ายในทันที New

คุณมักได้ยินคำแนะนำมากมายเกี่ยวกับการเป็นผู้นำที่ดี เช่น ต้องรับฟังให้เยอะพูดให้น้อย ต้องเข้าอกเข้าใจ ต้องพัฒนาเรียนรู้ตลอดเวลา ต้องมีเหตุผล ต้องแสดงความรับผิดชอบและทำให้งานสำเร็จ สิ่งต่างๆเหล่านี้ ล้วนเป็นการกระทำที่ดีทั้งนั้น แต่รู้ไหมว่า จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าคุณทำสิ่งข้างต้นเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป

การสื่อสาร 3 มิติ ที่หัวหน้าต้องรู้ เพื่อให้งานได้ผลลัพธ์ ถ้าพูดว่าการทำงานหลักๆของผู้บริหาร หรือหัวหน้า คือการสื่อสาร ภาพในหัวของหลายคนก็จะมีภาพว่าหัวหน้าต้อง present ได้เก่ง โน้มน้าวหรือ พูดได้รู้เรื่อง ซึ่งก็นับว่า จริง แต่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะผู้บริหารมีหน้าที่ต้องบริหารคนให้ทำงานให้บรรลุเป้าหมายให้ได้ ดังนั้นการสื่อสารของหัวหน้าจึงมีหลากหลายมิติ โดยถ้าแยกแบบคร่าวๆ ก็จะมีอยู่ 3 มิติ ดังนี้
การสื่อสาร 3 มิติ ที่หัวหน้าต้องรู้ เพื่อให้งานได้ผลลัพธ์ New

ถ้าพูดว่าการทำงานหลักๆของผู้บริหาร หรือหัวหน้า คือการสื่อสาร ภาพในหัวของหลายคนก็จะมีภาพว่าหัวหน้าต้อง present ได้เก่ง โน้มน้าวหรือ พูดได้รู้เรื่อง ซึ่งก็นับว่า จริง แต่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะผู้บริหารมีหน้าที่ต้องบริหารคนให้ทำงานให้บรรลุเป้าหมายให้ได้ ดังนั้นการสื่อสารของหัวหน้าจึงมีหลากหลายมิติ โดยถ้าแยกแบบคร่าวๆ ก็จะมีอยู่ 3 มิติ ดังนี้

2 หัวใจสำคัญ การสื่อสาร ที่เป็นงานสำคัญของหัวหน้า จากที่เคยพูดถึงว่าทักษะสำคัญของหัวหน้าคือการสื่อสาร ซึ่งมีหลากหลายวัตถุประสงค์ ในโพสนี้ ขออธิบายการสื่อสารที่เป็นจุดเริ่มต้นของการทำงาน คือ”การสั่งงาน” ซึ่งดูแล้วเหมือนกับเรื่องง่ายๆ ที่ใครๆก็น่าจะสั่งงานได้ แต่หัวใจสำคัญคือ
2 หัวใจสำคัญ การสื่อสาร ที่เป็นงานสำคัญของหัวหน้า New

จากที่เคยพูดถึงว่าทักษะสำคัญของหัวหน้าคือการสื่อสาร ซึ่งมีหลากหลายวัตถุประสงค์ ในโพสนี้ ขออธิบายการสื่อสารที่เป็นจุดเริ่มต้นของการทำงาน คือ”การสั่งงาน” ซึ่งดูแล้วเหมือนกับเรื่องง่ายๆ ที่ใครๆก็น่าจะสั่งงานได้ แต่หัวใจสำคัญคือ