"เศรษฐกิจ ช่วงนี้ไม่ค่อยดีนะครับ"
ประโยคแรก ออกจากปากพี่โชเฟอร์แท็กซี่ ทันทีที่รถออกตัว
"ครับ" ผมตอบกลางๆ ไว้ก่อน เจตนาเพื่อเลี่ยงบทสนทนา "ที่อาจจะ" ไม่พึงประสงค์
เวลาโดยสารแท็กซี่ ผมเชื่อว่าหลายคนเคยทำเช่นเดียวกัน เพราะหลายหน
ถ้าบทสนทนาไม่วกเข้าเรื่องการเมือง ก็ไม่พ้นเรื่อง เศรษฐกิจ ปากท้อง ฯลฯ
จนอาจโน้มไปทางการบ่นว่าด่าทอ มากกว่าเป็นสุนทรียสนทนา
"ผมไม่เข้าใจจริงๆ ครับว่าทำไมบ้านเราเป็นแบบนี้" พี่แท็กซี่พูดต่อ
นั่นไงเล่า!!! นี่ขนาดพยายามเลี่ยงแล้ว ก็ยังวกเข้าเรื่องจนได้
ผมจึงจำใจตอบบทสนทนาแบบตามน้ำไป
"พี่โชเฟอร์ หมายถึงภาครัฐบริหารบ้านเมืองไม่ดี ใช่ไหมครับ?"
"เปล่าครับๆ ผมหมายถึง ว่า เศรษฐกิจไม่ค่อยดี แต่เพื่อนๆ หลายคนก็ยังทำตัวเหมือนเดิมน่ะครับ"
"เขายังปฏิเสธผู้โดยสาร บางคนวิ่งรถหาคนตามริมทางแบบเดิม
สุดท้ายก็มาบ่นว่า หาเงินได้น้อยลง เพราะสภาพแวดล้อมแทบทั้งนั้น"
"เอ...แล้วพี่ไม่ได้รับผลกระทบหรือครับ?"
"กระทบสิครับพี่!! แหม ใครๆ ก็โดนทั้งนั้นแหละครับ"
"เอ้า แล้วพี่ทำยังไงครับ?"
"ต้องหาตัวช่วยสิครับ เราอยู่ในยุคดิจิทัลแล้ว ทุกวันนี้ผมก็ใช้แอพเข้ามาช่วยน่ะครับ พวก Line Taxi กับ Grab น่ะครับ"
"พวกแอพที่ช่วยให้ลูกค้าสะดวก เช่น โอนเงินผ่านแอพพวกนี้ ก็จำเป็นครับ เพราะบางคนเขาไม่ค่อยพกเงินสดติดตัวกัน"
"พวกเพื่อนพี่ เขาอาจจะทำไม่เป็นก็ได้นะครับ"
"ผมว่ายุคนี้ เราต้องรู้จักเรียนรู้ครับ ทีแรกผมก็ทำไม่เป็นนะ
ตอนซื้อโทรศัพท์มายังไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงเลย รู้แค่ว่าต้องหาเงินทางใหม่ๆ"
"แต่มันก็ต้องทำไปก่อนน่ะครับ ดีว่าลูกผมช่วยสอน แถมตอนสมัครแอพ
เจ้าหน้าที่เขาก็อบรมให้ มีตัวอย่างลูกค้าให้ลองกดรับงาน ก็เลยพอทำได้"
"ไม่ใช่แค่พวกผมนะครับ ร้านขายข้าวหลายร้าน ก็ปรับตัวกันทั้งนั้น
หลายที่เป็นแค่ร้านห้องแถว แต่ พวก Grab Lineman Food panda นี่ รอคิวกันพียบเลยครับ"
"ถ้ามองกันจริงๆ มันก็แค่โลกหมุนไปอีกทาง ถ้ามองทัน เราก็จะรู้ว่าต้องไปทางไหนน่ะครับ"
สุดท้าย กลายเป็นว่าตลอดการเดินทาง บทสนทนาที่ไม่ตั้งใจ
ก็ยาวไปจนถึงการเปรียบเทียบ ขัอดี-ข้อด้อย ของแอพที่พี่เขาใช้
.
ข้อสรุปจากบทสนทนาระหว่างการเดินทางไปออฟฟิศวันนี้ คือ
คนเรามักอยากให้ทุกอย่างคงเดิม ทั้งที่สรรพสิ่งมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอโดยธรรมชาติ
คนเราอยากให้ทุกอย่างชัดเจน คาดเดาได้ ทั้งที่ชีวิตเต็มไปด้วยปัจจัยที่มีความซับซ้อนมากมาย จนคำนวณได้ยาก
เราพยายามทำสิ่งที่ฝืนธรรมชาติ เมื่อไม่ได้ก็โทษสิ่งแวดล้อม
จนลืมไปว่า เราสามารถใช้ศักยภาพตามธรรมชาติดั้งเดิมของสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย
คือ "การปรับตัว"
ดังที่ ชาล์ล ดาร์วินว่าไว้ “ไม่ใช่ผู้ที่แข็งแรงที่สุดหรือฉลาดที่สุดหรอกที่อยู่รอด
แต่เป็นผู้ที่ปรับตัวเข้ากับความเปลี่ยนแปลงได้ดีที่สุดต่างหาก”
การปรับตัว คือ การขยับไปตามทิศทางที่โลกมันหมุนไป
เมื่อโลกหมุนไปทางซ้าย เราก็ต้องไปทางซ้าย
เมื่อโลกหมุนไปทางขวา เราก็แค่ต้องรู้ว่ามันเปลี่ยนทิศ และไปทางขวา
...
หรือ ถ้ามันหมุนเร็ว เราก็ต้องปรับเร่งความเร็วให้ทันกัน
เมื่อสภาพเศรษฐกิจแย่ ก็ต้องปรับตัว
เมื่อองค์กรเผชิญ Disruption ก็ต้องปรับตัว
แม้แต่คนทำงานออฟฟิศเอง ก็ต้องปรับตัวให้ทันการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วกว่าเดิม
จะคิดว่าอยู่อย่างมั่นคง ในขณะที่บริษัทเองยังไม่แน่ใจว่า ธุรกิจจะมั่นคงหรือเปล่า
ก็ดูย้อนแย้งอยู่
บางที ทักษะที่จำเป็นต่อการอยู่รอดในศตวรรษที่ 21
มันก็ฝังอยู่ใน DNA ของมนุษย์เราตั้งแต่แรก
แค่เราหลงลืมที่จะใช้มัน
ส่วนต้องหมุนตามโลกไปอีกแค่ไหน
คำตอบคือ จนกว่ามันจะหยุดหมุนนั่นแหละ
รอได้ไหมล่ะ?
----------------------------------
Content: aniruthT
Photo: Kevin Phillips จาก Pixabay
---------------------------------
#CoachForGoalArticle #CFG
สร้างทัศนคติการทำงานให้ดีขึ้นในทุกวันแบบง่ายๆ
Aniruth Tulsuk (อนิรุทธิ์ ตุลสุข)
Sr. Consultant & Facilitator-CFG
M.A. Industial and Organizaional Psychology, Thammasat University
Former Learning & Development Manager, FMCG/Property Interesting Areas:
Startup Business, Leadership Development, Behavioral Change,Trait & Personality, Visual Thinking |
สาเหตุที่ Work-Life Balance ของคนทำงานจะเปลี่ยนไปจากเดิมนั้น เพราะวิกฤตเศรษฐกิจในครั้งนี้ กำลังคืบคลานเข้ามา และแน่นอนว่าจะสร้างผลกระทบกับชีวิตการทำงานแต่ละคนไม่มากก็น้อย แล้วพนักงานต้องทำอย่างไร? ต้องโหมทำงานจนละเลยชีวิตตัวเองหรือไม่? มาดู 4 แนวทางที่จะช่วยสร้างให้สมดุลชีวิตและงานยังคงอยู่กัน
เมื่อใดประเทศประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ มักจะกระทบต่อองค์กรด้วย ทำให้ผลประกอบการตกลง ซึ่งเมื่อต้องอธิบายว่าทำไมผลประกอบการต่ำลง ก็จะได้รับคำตอบเหมือนเดิมทุกครั้งคือ “ เศรษฐกิจไม่ดี” แต่สังเกตหรือไม่ว่า ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจแย่ แต่ก็มีบางบริษัทที่ผลประกอบการ ไม่ได้แย่ตามไปด้วย เพราะความจริงแล้วภาวะเศรษฐกิจไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่กระทบผลประกอบการ แต่มันมีปัจจัยอื่นๆภายในองค์กรด้วย และปัจจัยเหล่านี้มักจะถูกมองข้ามไป นั่นคือ
การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในวันนี้ หัวหน้างานที่ยังคงต้องทำบทบาทในการปรับทีมงานให้พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงเสมอ เพื่อให้เกิดบรรยากาศแบบ High Performance Environment หรือ ทีมงานมีไฟมีพลังสู้รบกับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่ง 5 วิธีที่หัวหน้าสามารถเริ่มทำได้ทันที ได้แก่
คุณมักได้ยินคำแนะนำมากมายเกี่ยวกับการเป็นผู้นำที่ดี เช่น ต้องรับฟังให้เยอะพูดให้น้อย ต้องเข้าอกเข้าใจ ต้องพัฒนาเรียนรู้ตลอดเวลา ต้องมีเหตุผล ต้องแสดงความรับผิดชอบและทำให้งานสำเร็จ สิ่งต่างๆเหล่านี้ ล้วนเป็นการกระทำที่ดีทั้งนั้น แต่รู้ไหมว่า จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าคุณทำสิ่งข้างต้นเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป
ถ้าพูดว่าการทำงานหลักๆของผู้บริหาร หรือหัวหน้า คือการสื่อสาร ภาพในหัวของหลายคนก็จะมีภาพว่าหัวหน้าต้อง present ได้เก่ง โน้มน้าวหรือ พูดได้รู้เรื่อง ซึ่งก็นับว่า จริง แต่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะผู้บริหารมีหน้าที่ต้องบริหารคนให้ทำงานให้บรรลุเป้าหมายให้ได้ ดังนั้นการสื่อสารของหัวหน้าจึงมีหลากหลายมิติ โดยถ้าแยกแบบคร่าวๆ ก็จะมีอยู่ 3 มิติ ดังนี้
จากที่เคยพูดถึงว่าทักษะสำคัญของหัวหน้าคือการสื่อสาร ซึ่งมีหลากหลายวัตถุประสงค์ ในโพสนี้ ขออธิบายการสื่อสารที่เป็นจุดเริ่มต้นของการทำงาน คือ”การสั่งงาน” ซึ่งดูแล้วเหมือนกับเรื่องง่ายๆ ที่ใครๆก็น่าจะสั่งงานได้ แต่หัวใจสำคัญคือ