6 สิ่งที่ผู้นำต้องเตรียมพร้อม เพื่อเอาชนะความท้าทายที่มีมากมาย ในปี 2023

วันที่: 07 ก.พ. 2566 15:05:05     แก้ไข: 13 ก.พ. 2566 09:08:40     เปิดอ่าน: 2,145     Blogs
พอดีได้อ่านเทรนด์การทำงานปี 2023 จาก Mission To The Moon ว่าในปีนี้มี 12 เทรนด์ ที่จะเกิดขึ้นและทำให้โลกของการทำงานเปลี่ยนไปจากเดิม ผมขออนุญาตรวบ 12 เทรนด์นั้น มาพลิกอีกมุมดูว่า ถ้าแนวโน้มการทำงานในแบบนี้เกิดขึ้นในบ้านเรา ผู้นำในองค์กร ก็ต้องเตรียมพร้อมใน 6 ด้านนี้ เพื่อให้ปรับตัวทันการเปลี่ยนแปลงครับ

1. เตรียมกำลังคนที่มีความสามารถ (Talent) ทั้งในแง่ของการรักษาพวกเค้าให้อยู่กับองค์กรและการสรรหาคัดเลือก

ในจุดนี้ สิ่งที่หัวหน้าทำได้เลยทันที คือ การรักษาและส่งเสริมคนที่ยังอยู่ ด้วยการบริหารงานแบบมีภาวะผู้นำ และสร้างบรรยากาศให้คนทำงานทั้งจากความสัมพันธ์ที่ดีในการทำงาน (Relationship) การดูแลสารทุกข์สุขดิบ คุณภาพชีวิตที่เหมาะสม รวมถึงการพัฒนา (Development) ให้รู้สึกว่าท้าทายและเติบโตในการทำงาน เช่นการโค้ช หรือ เปิดโอกาสให้มีอิสระในการตัดสินใจ แก้ไขสถานการณ์ในงาน เป็นต้น

แล้วการพัฒนาทีมงานให้เก่งขึ้น ก็จะชดเชยกับความขาดแคลนด้านกำลังคนในข้อแรกบางส่วน
2. เตรียมพัฒนาคนและตนเอง

นอกจากพัฒนาน้องๆ ในทีมแล้ว ตัวผู้นำเองก็ต้องเรียนรู้อยู่เสมอด้วย โดยเฉพาะการเรียนรู้จากทีมงาน อย่าลืมว่ายุคนี้ผู้นำไม่ได้เก่งไปทุกเรื่อง สถานการณ์ในโลกใหม่ๆ ทำให้เราต้องเรียนรู้จากน้องๆ เช่นกัน

นอกจากนี้ในการพัฒนา ต้องเน้น Soft Skill มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็น ทักษะความเป็นผู้นำ ทักษะด้านการบริหาร, การคิดแบบต่างๆ เช่น เชิงวิพากษ์, ความคิดสร้างสรรค์ และการแก้ปัญหา เป็นต้น
3. ต้องคิดแบบมีกลยุทธ์ให้เป็น

นั่นคือ ในยุคใหม่ ผู้นำต้องไม่ใช่ตะบี้ตะบันอยากเป็นทุกอย่าง อยากทำทุกอย่าง หรือ ทำแต่สิ่งเดิมๆ จากปีก่อนๆ แต่ต้องรู้จักเลือกทำสิ่งที่สำคัญ และที่สำคัญต้องรู้จักการ Focus ครับ

นอกจากนี้ อย่าลืมฝีกให้ลูกน้องคิดแบบกลยุทธ์ให้เป็นด้วย คือ รู้ว่า เรื่องใดสำคัญ ส่งผลลัพธ์และสร้างคุณค่าให้องค์กร สิ่งนี้จะช่วยยกระดับผลงานและสร้างการเติบโตให้น้องๆ ให้มากกว่างานรูทีนทั่วไ
4. เตรียมสื่อสารทิศทางองค์กร

ผู้นำจะมีบทบาทอย่างมากถึงมากที่สุดในการสื่อสารให้ทีมงาน เข้าใจความจำเป็น และทิศทางขององค์กร ความชัดเจนและแรงบันดาลใจ จะทำให้บริหารงานและคน ในโลก BANI Wolrd ที่เปราะบาง ยุ่งเหยิงเปลี่ยนแปลงแทบจะรายวันนี้ ได้ง่ายขึ้นเยอะ
5. ฝึกการนำเทคโนโลยี (Technology) และข้อมูล (Data) มาใช้ในงาน

เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในยุคใหม่ แต่สิ่งที่ผู้นำมักหลงลืม คือ การนำข้อมูลเหล่านั้นมาใช้ในการบริหารจัดการคน เช่น การวางแผนกำลังคน การคัดเลือก การพัฒนา ต้องดูข้อมูลประกอบ และนำมาวิเคราะห์อย่างจริงจัง
ในเรื่องเทคโนโลยี ควรส่งเสริมให้คนในองค์กร เข้าใจเรื่องการทำงานของพวกเขาโดยใช้เทคโนโลยีมาสนับสนุนการทำงานมากขึ้น เช่น การอยู่ร่วมกับ AI หรือ App ต่างๆ เป็น
6. ไม่ลืมส่งเสริมเรื่องความแตกต่างระหว่างคน

ไม่ว่า ความต่างนั้นจะเกิดจาก Generation เชื้อชาติ เพศสภาพ ค่านิยมส่วนบุคคล (Personal Values) หรือ แม้แต่บุคลิกภาพในทางจิตวิทยา เพื่อให้เกิดความเข้าอกเข้าใจ (Empathy) การเคารพซึ่งกันและกัน (Respect) ไปจนถึง การประสานงานกันได้อย่างราบรื่น (Collaboration) อย่างไร้รอยต่อ ไม่ว่าจะเป็นในทีมงาน หรือ Cross-Functional Team ก็ตาม
ปี 2023 นี้ ผมหวังว่า ผู้นำต้องเตรียมพร้อมทั้ง 6 ด้านนี้ให้ได้ เพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงและยุคสมัยแห่งการทำงานที่อาจจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงครับ

บทความโดย

Aniruth Tulsuk (อนิรุทธิ์ ตุลสุข)
Sr. Consultant & Facilitator-CFG 
 
M.A. Industial and Organizaional Psychology, Thammasat University
Former Learning & Development Manager, FMCG/Property
Interesting Areas:
Startup Business, Leadership Development, Behavioral Change,Trait & Personality, Visual Thinking
 

บทความอื่นๆ ที่น่าสนใจ

4 วิธีสร้าง Work-Life Balance  แถมยังได้งานในช่วงวิกฤต สาเหตุที่ Work-Life Balance ของคนทำงานจะเปลี่ยนไปจากเดิมนั้น เพราะวิกฤตเศรษฐกิจในครั้งนี้ กำลังคืบคลานเข้ามา และแน่นอนว่าจะสร้างผลกระทบกับชีวิตการทำงานแต่ละคนไม่มากก็น้อย แล้วพนักงานต้องทำอย่างไร? ต้องโหมทำงานจนละเลยชีวิตตัวเองหรือไม่? มาดู 4 แนวทางที่จะช่วยสร้างให้สมดุลชีวิตและงานยังคงอยู่กัน
4 วิธีสร้าง Work-Life Balance แถมยังได้งานในช่วงวิกฤต

สาเหตุที่ Work-Life Balance ของคนทำงานจะเปลี่ยนไปจากเดิมนั้น เพราะวิกฤตเศรษฐกิจในครั้งนี้ กำลังคืบคลานเข้ามา และแน่นอนว่าจะสร้างผลกระทบกับชีวิตการทำงานแต่ละคนไม่มากก็น้อย แล้วพนักงานต้องทำอย่างไร? ต้องโหมทำงานจนละเลยชีวิตตัวเองหรือไม่? มาดู 4 แนวทางที่จะช่วยสร้างให้สมดุลชีวิตและงานยังคงอยู่กัน

7 ปัจจัย ฉุดผลประกอบการ ที่ผู้บริหารคาดไม่ถึง  เมื่อใดประเทศประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ มักจะกระทบต่อองค์กรด้วย ทำให้ผลประกอบการตกลง ซึ่งเมื่อต้องอธิบายว่าทำไมผลประกอบการต่ำลง ก็จะได้รับคำตอบเหมือนเดิมทุกครั้งคือ “ เศรษฐกิจไม่ดี” แต่สังเกตหรือไม่ว่า ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจแย่ แต่ก็มีบางบริษัทที่ผลประกอบการ ไม่ได้แย่ตามไปด้วย เพราะความจริงแล้วภาวะเศรษฐกิจไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่กระทบผลประกอบการ แต่มันมีปัจจัยอื่นๆภายในองค์กรด้วย และปัจจัยเหล่านี้มักจะถูกมองข้ามไป นั่นคือ
7 ปัจจัย ฉุดผลประกอบการ ที่ผู้บริหารคาดไม่ถึง

เมื่อใดประเทศประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ มักจะกระทบต่อองค์กรด้วย ทำให้ผลประกอบการตกลง ซึ่งเมื่อต้องอธิบายว่าทำไมผลประกอบการต่ำลง ก็จะได้รับคำตอบเหมือนเดิมทุกครั้งคือ “ เศรษฐกิจไม่ดี” แต่สังเกตหรือไม่ว่า ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจแย่ แต่ก็มีบางบริษัทที่ผลประกอบการ ไม่ได้แย่ตามไปด้วย เพราะความจริงแล้วภาวะเศรษฐกิจไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่กระทบผลประกอบการ แต่มันมีปัจจัยอื่นๆภายในองค์กรด้วย และปัจจัยเหล่านี้มักจะถูกมองข้ามไป นั่นคือ

5 กลยุทธ์ผู้นำที่ทำให้เกิด High Performance Environment การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในวันนี้ หัวหน้างานที่ยังคงต้องทำบทบาทในการปรับทีมงานให้พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงเสมอ เพื่อให้เกิดบรรยากาศแบบ High Performance Environment หรือ ทีมงานมีไฟมีพลังสู้รบกับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่ง 5 วิธีที่หัวหน้าสามารถเริ่มทำได้ทันที ได้แก่
5 กลยุทธ์ผู้นำที่ทำให้เกิด High Performance Environment

การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในวันนี้ หัวหน้างานที่ยังคงต้องทำบทบาทในการปรับทีมงานให้พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงเสมอ เพื่อให้เกิดบรรยากาศแบบ High Performance Environment หรือ ทีมงานมีไฟมีพลังสู้รบกับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่ง 5 วิธีที่หัวหน้าสามารถเริ่มทำได้ทันที ได้แก่

ทำไม? เมื่อผู้นำตั้งใจทำดีมากไป ผลที่ได้กลับกลายเป็นร้ายในทันที คุณมักได้ยินคำแนะนำมากมายเกี่ยวกับการเป็นผู้นำที่ดี เช่น ต้องรับฟังให้เยอะพูดให้น้อย ต้องเข้าอกเข้าใจ ต้องพัฒนาเรียนรู้ตลอดเวลา ต้องมีเหตุผล ต้องแสดงความรับผิดชอบและทำให้งานสำเร็จ สิ่งต่างๆเหล่านี้ ล้วนเป็นการกระทำที่ดีทั้งนั้น แต่รู้ไหมว่า จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าคุณทำสิ่งข้างต้นเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป
ทำไม? เมื่อผู้นำตั้งใจทำดีมากไป ผลที่ได้กลับกลายเป็นร้ายในทันที New

คุณมักได้ยินคำแนะนำมากมายเกี่ยวกับการเป็นผู้นำที่ดี เช่น ต้องรับฟังให้เยอะพูดให้น้อย ต้องเข้าอกเข้าใจ ต้องพัฒนาเรียนรู้ตลอดเวลา ต้องมีเหตุผล ต้องแสดงความรับผิดชอบและทำให้งานสำเร็จ สิ่งต่างๆเหล่านี้ ล้วนเป็นการกระทำที่ดีทั้งนั้น แต่รู้ไหมว่า จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าคุณทำสิ่งข้างต้นเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป

การสื่อสาร 3 มิติ ที่หัวหน้าต้องรู้ เพื่อให้งานได้ผลลัพธ์ ถ้าพูดว่าการทำงานหลักๆของผู้บริหาร หรือหัวหน้า คือการสื่อสาร ภาพในหัวของหลายคนก็จะมีภาพว่าหัวหน้าต้อง present ได้เก่ง โน้มน้าวหรือ พูดได้รู้เรื่อง ซึ่งก็นับว่า จริง แต่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะผู้บริหารมีหน้าที่ต้องบริหารคนให้ทำงานให้บรรลุเป้าหมายให้ได้ ดังนั้นการสื่อสารของหัวหน้าจึงมีหลากหลายมิติ โดยถ้าแยกแบบคร่าวๆ ก็จะมีอยู่ 3 มิติ ดังนี้
การสื่อสาร 3 มิติ ที่หัวหน้าต้องรู้ เพื่อให้งานได้ผลลัพธ์ New

ถ้าพูดว่าการทำงานหลักๆของผู้บริหาร หรือหัวหน้า คือการสื่อสาร ภาพในหัวของหลายคนก็จะมีภาพว่าหัวหน้าต้อง present ได้เก่ง โน้มน้าวหรือ พูดได้รู้เรื่อง ซึ่งก็นับว่า จริง แต่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะผู้บริหารมีหน้าที่ต้องบริหารคนให้ทำงานให้บรรลุเป้าหมายให้ได้ ดังนั้นการสื่อสารของหัวหน้าจึงมีหลากหลายมิติ โดยถ้าแยกแบบคร่าวๆ ก็จะมีอยู่ 3 มิติ ดังนี้

2 หัวใจสำคัญ การสื่อสาร ที่เป็นงานสำคัญของหัวหน้า จากที่เคยพูดถึงว่าทักษะสำคัญของหัวหน้าคือการสื่อสาร ซึ่งมีหลากหลายวัตถุประสงค์ ในโพสนี้ ขออธิบายการสื่อสารที่เป็นจุดเริ่มต้นของการทำงาน คือ”การสั่งงาน” ซึ่งดูแล้วเหมือนกับเรื่องง่ายๆ ที่ใครๆก็น่าจะสั่งงานได้ แต่หัวใจสำคัญคือ
2 หัวใจสำคัญ การสื่อสาร ที่เป็นงานสำคัญของหัวหน้า New

จากที่เคยพูดถึงว่าทักษะสำคัญของหัวหน้าคือการสื่อสาร ซึ่งมีหลากหลายวัตถุประสงค์ ในโพสนี้ ขออธิบายการสื่อสารที่เป็นจุดเริ่มต้นของการทำงาน คือ”การสั่งงาน” ซึ่งดูแล้วเหมือนกับเรื่องง่ายๆ ที่ใครๆก็น่าจะสั่งงานได้ แต่หัวใจสำคัญคือ