ค่านิยมส่วนบุคคล (Personal Values) ที่ว่า ก็คือ ความเชื่อที่เกิดจากประสบการณ์ ที่หล่อหลอม เรียนรู้ และยึดถือ ความเชื่อนั้นว่าเป็นจริง เป็นสิ่งที่ดีสำหรับชีวิตตัวเองมิลตัน โรคีช (Milton Rokeach, 1973) นักจิตวิทยาสังคม ได้ระบุว่า ค่านิยมที่ว่ามี 2 ระดับ คือ
การเรียนรู้ในเรื่อง Personal Values จึงช่วยให้หัวหน้าใส่หมวกได้ถูกกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในการทำงาน เพราะทำให้หัวหน้าได้รู้ตัว (Self-Awareness) ว่าปัจจุบัน ด้วย Personal Values เดิม ทำให้เราเกิดพฤติกรรมการบริหารงานแบบไหนอยู่ แล้วมันเหมาะสมหรือไม่ ที่เรายังคงยึด Personal Values แบบเดิมกับทุกสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป เช่น
ในโลกที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างทุกวันนี้ หากเรามัวยึดแต่ผลลัพธ์ หรือ ความถูกต้อง อาจทำให้ไม่เกิดเซฟโซนในการเรียนรู้ของทีมงาน เพราะทุกคนอาจกลัวความผิดพลาด
ผลก็คือ อาจทำแต่สิ่งเดิมๆ ไม่เกิดสิ่งใหม่ๆ ที่จะทำให้องค์กรปรับตัว หรือ เติบโตอย่างรวดเร็วได้ แต่ในทางตรงข้าม หากหัวหน้าปรับความคิด และยืดหยุ่นมากขึ้น ทีมงานก็อาจเกิดพื้นที่แห่งความปลอดภัยทางจิตวิทยา (Psychological Safety) มากกว่าเดิม และร่วมเรียนรู้ปรับแก้ให้งานดีขึ้นไปพร้อมๆ กัน
ดังนั้น ผู้นำที่ดี นอกจากจะต้องรู้ตัวเอง แล้วต้องพัฒนาตัวเองให้ไปไกลมากกว่าการใช้ Personal Values ในการบริหาร แต่ต้องสามารถบริหารงานได้อย่างสมดุลจาก การมีภาวะผู้นำที่เหมาะสม (Leadership) ด้วย
เพราะภาวะผู้นำ จะเป็นสิ่งที่นำพาให้หัวหน้าก้าวไปได้ไกลมากกว่าการยึด Personal VAlues หรือ ค่านิยมของตัวเองเพียงอย่างเดียวในการบริหารทั้งคนและงานครับ
Aniruth Tulsuk (อนิรุทธิ์ ตุลสุข)
Sr. Consultant & Facilitator-CFG
M.A. Industial and Organizaional Psychology, Thammasat University
Former Learning & Development Manager, FMCG/Property Interesting Areas:
Startup Business, Leadership Development, Behavioral Change,Trait & Personality, Visual Thinking |
สาเหตุที่ Work-Life Balance ของคนทำงานจะเปลี่ยนไปจากเดิมนั้น เพราะวิกฤตเศรษฐกิจในครั้งนี้ กำลังคืบคลานเข้ามา และแน่นอนว่าจะสร้างผลกระทบกับชีวิตการทำงานแต่ละคนไม่มากก็น้อย แล้วพนักงานต้องทำอย่างไร? ต้องโหมทำงานจนละเลยชีวิตตัวเองหรือไม่? มาดู 4 แนวทางที่จะช่วยสร้างให้สมดุลชีวิตและงานยังคงอยู่กัน
เมื่อใดประเทศประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ มักจะกระทบต่อองค์กรด้วย ทำให้ผลประกอบการตกลง ซึ่งเมื่อต้องอธิบายว่าทำไมผลประกอบการต่ำลง ก็จะได้รับคำตอบเหมือนเดิมทุกครั้งคือ “ เศรษฐกิจไม่ดี” แต่สังเกตหรือไม่ว่า ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจแย่ แต่ก็มีบางบริษัทที่ผลประกอบการ ไม่ได้แย่ตามไปด้วย เพราะความจริงแล้วภาวะเศรษฐกิจไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่กระทบผลประกอบการ แต่มันมีปัจจัยอื่นๆภายในองค์กรด้วย และปัจจัยเหล่านี้มักจะถูกมองข้ามไป นั่นคือ
การเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วในวันนี้ หัวหน้างานที่ยังคงต้องทำบทบาทในการปรับทีมงานให้พร้อมรับมือการเปลี่ยนแปลงเสมอ เพื่อให้เกิดบรรยากาศแบบ High Performance Environment หรือ ทีมงานมีไฟมีพลังสู้รบกับการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ซึ่ง 5 วิธีที่หัวหน้าสามารถเริ่มทำได้ทันที ได้แก่
คุณมักได้ยินคำแนะนำมากมายเกี่ยวกับการเป็นผู้นำที่ดี เช่น ต้องรับฟังให้เยอะพูดให้น้อย ต้องเข้าอกเข้าใจ ต้องพัฒนาเรียนรู้ตลอดเวลา ต้องมีเหตุผล ต้องแสดงความรับผิดชอบและทำให้งานสำเร็จ สิ่งต่างๆเหล่านี้ ล้วนเป็นการกระทำที่ดีทั้งนั้น แต่รู้ไหมว่า จะเกิดอะไรขึ้น ถ้าคุณทำสิ่งข้างต้นเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากเกินไป
ถ้าพูดว่าการทำงานหลักๆของผู้บริหาร หรือหัวหน้า คือการสื่อสาร ภาพในหัวของหลายคนก็จะมีภาพว่าหัวหน้าต้อง present ได้เก่ง โน้มน้าวหรือ พูดได้รู้เรื่อง ซึ่งก็นับว่า จริง แต่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะผู้บริหารมีหน้าที่ต้องบริหารคนให้ทำงานให้บรรลุเป้าหมายให้ได้ ดังนั้นการสื่อสารของหัวหน้าจึงมีหลากหลายมิติ โดยถ้าแยกแบบคร่าวๆ ก็จะมีอยู่ 3 มิติ ดังนี้
จากที่เคยพูดถึงว่าทักษะสำคัญของหัวหน้าคือการสื่อสาร ซึ่งมีหลากหลายวัตถุประสงค์ ในโพสนี้ ขออธิบายการสื่อสารที่เป็นจุดเริ่มต้นของการทำงาน คือ”การสั่งงาน” ซึ่งดูแล้วเหมือนกับเรื่องง่ายๆ ที่ใครๆก็น่าจะสั่งงานได้ แต่หัวใจสำคัญคือ